รู้ทันไฟ! คู่มือกฎหมายและมาตรการป้องกันอัคคีภัยสำหรับร้านอาหาร

ไฟไหม้ในร้าน ความเสียหายอาจรุนแรงถึงขั้นปิดกิจการถาวร!! และคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดตอนไหน

โดยเฉพาะร้านอาหารเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากครัวประกอบด้วยอุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้หลายชนิด เช่น แก๊สหุงต้ม เตาไฟฟ้า น้ำมันทอด และอุปกรณ์ไฟฟ้า หากเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมา เจ้าของร้านยังอาจถูกดำเนินคดีหากละเลยมาตรการด้านความปลอดภัย

วันนี้ MAXWELL จะมาสรุป กฎหมายไฟไหม้ร้านอาหาร ข้อบังคับ มาตรการที่จำเป็น และตัวอย่างกรณีศึกษา เพื่อช่วยให้เจ้าของร้านอาหารสามารถนำไปปรับใช้จริงได้อย่างถูกต้องกันค่ะ

รู้ทันไฟ! คู่มือกฎหมายและมาตรการป้องกันอัคคีภัยสำหรับร้านอาหาร

กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร

พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

กฎหมายไฟไหม้ร้านอาหาร ที่อยู่ในอาคารสูง (เกิน 3 ชั้น) หรือมีพื้นที่ใช้สอยเกิน 1,000 ตารางเมตร ต้องติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยที่ได้มาตรฐาน เช่น

  • สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System)
  • ถังดับเพลิงชนิดเคมีแห้ง อย่างน้อย 1 ถังต่อพื้นที่ 200 ตารางเมตร และตรวจสอบทุก 6 เดือน
  • ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ สำหรับร้านขนาดใหญ่หรืออยู่ในอาคารสูง
    แหล่งข้อมูลอ้างอิง: https://asa.or.th/laws-and-regulations/cba/

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220–225

หากการประมาทเลินเล่อทำให้เกิดเพลิงไหม้ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าของร้านอาจต้องรับโทษทั้งจำและปรับ โดยโทษสูงสุดอาจถึง จำคุก 7–20 ปี หรือปรับหลักแสนบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลของความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง

รู้ทันไฟ! คู่มือกฎหมายและมาตรการป้องกันอัคคีภัยสำหรับร้านอาหาร

อุปกรณ์และมาตรการป้องกันอัคคีภัยที่ร้านอาหารต้องมี

  • ถังดับเพลิงชนิดเคมีแห้ง : อย่างน้อย 1 ถังต่อ 200 ตร.ม. ตรวจสอบทุก 6 เดือน
  • ระบบตัดแก๊สอัตโนมัติ : ป้องกันการรั่วไหล และสามารถปิดวาล์วได้สะดวกเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • สัญญาณแจ้งเหตุและไฟฉุกเฉิน : ต้องใช้งานได้แม้ในกรณีไฟฟ้าดับ
  • ทางหนีไฟ : ต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง พร้อมติดตั้งป้าย “ทางออกฉุกเฉิน” ที่ชัดเจนและมีแสงสว่าง
  • ระบบสปริงเกอร์ : สำหรับร้านขนาดกลาง–ใหญ่ และร้านที่ตั้งอยู่ในอาคารสูง
  • เทคโนโลยีเสริม : เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับควันและแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน
รู้ทันไฟ! คู่มือกฎหมายและมาตรการป้องกันอัคคีภัยสำหรับร้านอาหาร

หน้าที่ของเจ้าของร้านอาหาร

  • จัดทำ แผนซ้อมอัคคีภัย อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น
  • อบรมพนักงานให้เข้าใจวิธีใช้ถังดับเพลิง ปิดวาล์วแก๊ส และการอพยพลูกค้า
  • ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างน้อยทุก 3–6 เดือน
  • จัดทำบันทึกการตรวจสอบและฝึกซ้อม เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีการตรวจสอบ
    คู่มือการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ: https://www.disaster.go.th/apiv1/clickdownload/download/1606

ยกกรณีศึกษา: ข่าวดังไฟไหม้ร้านอาหาร

ปี 2556 ร้านชาบูของศิลปินชื่อดัง บอย พีซเมคเกอร์ และ เจี๊ยบ พิจิตตรา เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในห้างย่านกรุงเทพฯ ความเสียหายรวมหลายสิบล้านบาท แม้ไม่ได้มีเจตนาก่อเหตุ แต่บริษัทประกันภัยได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญภาระหนี้สินกว่า 40 ล้านบาท และใช้เวลาหลายปีในการปลดหนี้จนหมด

กรณีนี้สะท้อนว่า แม้เจ้าของร้านจะไม่ใช่ผู้ก่อเหตุโดยตรง แต่หากระบบป้องกันอัคคีภัยไม่รัดกุมหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็อาจถูกเรียกร้องค่าเสียหายและฟ้องร้องได้

MAXWELL แนะนำแนวทางเพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจของเจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่ควรมี

  • ติดตั้งระบบ Fire Alarm และสปริงเกอร์ ที่ได้มาตรฐาน มอก.
  • ทำประกันอัคคีภัยสำหรับธุรกิจร้านอาหาร เพื่อคุ้มครองทั้งทรัพย์สินและความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สาม
  • เลือกบริษัทติดตั้งที่มีใบอนุญาตและได้รับการรับรองมาตรฐาน
  • ตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงโดยวิศวกรความปลอดภัยอย่างน้อยปีละครั้ง

การป้องกันอัคคีภัยในร้านอาหารไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและพนักงาน รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องหรือสูญเสียทางธุรกิจ เจ้าของร้านควรให้ความสำคัญกับการติดตั้งอุปกรณ์ที่ถูกต้อง การอบรมพนักงาน ศึกษากฎหมายไฟไหม้ร้านอาหาร และการทำประกันภัย เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย

MAXWELL Security ระบบความปลอดภัยครบวงจรที่เหมาะสมให้กับคุณ

สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ NocNoc: https://nocnoc.onelink.me/Hngk/vxlj9dfh

เยี่ยมชมเว็บไซต์: www.maxwellsecurity.co.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: https://lin.ee/1fywjez